ครั้งแรกกับการเจาะลึก Miracle Water เอกสิทธิแห่ง SK-II

ครั้งแรกกับการเจาะลึก Miracle Water เอกสิทธิแห่ง SK-II


สวัสดีค่ะ
ครั้งนี้หนิงก็ขอเขียนเรื่องราวที่หนิงได้ไปเป็น MC งาน  Discovery the One and Only Pitera โดย SK-II นะคะ

sk001
ซึ่งสำหรับสาวหลายๆคนที่ได้เคยใช้ก็จะรู้ว่าผลิตภัณฑ์ของ SK-II นั้น บำรุงและเสริมความเยาว์วัยได้ดีขนาดไหน และในงานครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ทาง SK-II ได้เจาะลึกให้พวกเราได้เห็นกันถึงจุดเริ่มต้น และวิธีขั้นตอนต่างๆ จนออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ Miracle Water SK-II ค่ะ

ต้องขอเกริ่นนิดนึงว่า จุดเริ่มต้นนั้น ย้อนไปถึงปี ค.ศ.1970 (โห 43 ปีที่แล้วเลยนะ) นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้เดินทางไปที่โรงงานบ่มสาเกแห่งหนึ่ง และได้สังเกตว่าคนงานที่อยู่ในโรงงานแห่งนี้ ทั้งๆที่สูงอายุ มีใบหน้าที่แห้งกร้านและรอยเหี่ยวย่นตามประสาคนสูงวัย แต่มือของคนงานนั้นกลับนุ่มนวลและเรียบเนียนอ่อนวัยอย่างไม่น่าเชื่อ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบว่า ความลับของความอ่อนวัยนั้นก็คือ ยีสต์ธรรมชาติที่คนงานในโรงงานต่างได้สัมผัสเวลาทำงานนั่นเอง

sk002

และนับจากตรงนั้น SK-II ก็ได้วิจัย พัฒนา ค้นคว้า จนได้เกิดผลลัพธ์ที่เกิดจากการหมักด้วยยีสต์ธรรมชาติ ชื่อว่า Pitera ซึ่งเป็นส่วนประกอบอันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ SK-II นั่นเองค่ะ
เห็นหนิงเกริ่นมาขนาดนี้ ก็เพราะว่า งานนี้เค้าเจาะลึก ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นจริงๆค่ะ

เพราะภายในงาน ทาง SK-II ได้ยกบรรยากาศโรงบ่มสาเกมาไว้ในงานเลยทีเดียว ไม่พอยังมีบูทให้เราได้ทดลองนวดแป้ง Koji อันเป็นจุดเริ่มต้นขั้นตอนของการบ่มสาเกค่ะ โอ้โห เรียกได้ว่ายังกะให้เราย้อนเวลากลับไปลองสัมผัสจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจที่เป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ Miracle Water เลยค่ะ

sk003

หนิงเองก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์  คุณวรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่าย ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ เอสเค ทู ประจำประเทศไทย บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ซึ่งได้มาเล่าเรื่องราวตั้งแต่จุดเริ่มต้น และค้นคว้าจนค้นพบ Pitera และย่างเก้าของทางพัฒนา ค้นคว้า อย่างเป็นขั้นเป็นตอนของ SK-II  และได้บรรยายถึงขั้นตอนการผลิตว่ากว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ SK-II นั้นต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ เช่น การคัดเลิอกสายพันธ์ยีสต์กว่า 350 สายพันธ์ การบ่ม การกรอง การบรรจุขวด โหย เรียกได้ว่าปราณีตทุกขั้นตอนเลยค่ะ

sk004

และก็ได้เล่าถึงความสำเร็จตั้งแต่ Sk-II ผลิตภัณฑ์แรกเปิดตัว เมื่อปี ค.ศ.1980 นั้น ได้สร้างความประทับใจ และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของวงการผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เชื่อไหมค่ะว่า ทุกวันนี้ ทุกๆ 28 วินาที ทั่วโลกจะต้องมีสาวๆ (หรือหนุ่มๆ  ฮา) หยิบผลิตภัณฑ์ของ Sk-II จากชั้นวางเลยค่ะ อื้อหือ

ต่อจากนั้นหนิงยังได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณเจี๊ยบ โสภิตนภา ชุ่มภาณี และ คุณสู่ขวัญ บูลกุล ซึ่งทั้ง 2 ท่านเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ที่ผูกพันกับ SK-II อย่างยาวนาน
ซึ่งทั้ง 2 ท่านก็ได้เล่าเรื่องราวความมหัศจรรย์ของ Pitera ในผลิตภัณฑ์ Miracle Water SK-II ที่เมื่อได้สัมผัสแล้วเรียกว่า หลงรักและผูกพันเลยทีเดียว

sk005

เรื่องราวของการค้นพบ Pitera ในโรงบ่มสาเกนั้นก็เป็นแรงบันดาลใจ ถึงขนาด ผู้กำกับชื่อดังระดับ Hollywood ทอม ฮูเปอร์ ได้สร้างภาพยนตร์สั้นถ่ายทอดเรื่องราวการค้นพบของ SK-II ด้วยค่ะ

และเรียกได้ว่าเจาะลึกจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่ว่าจะบรรยากาศโรงบ่มสาเกที่ยกมาเพียงแค่นั้น แต่ยังเจาะลึกไปอีกกับการเปิดเผยถึง การผลิตและประเพณีการดื่มสาเก อันเป็นศาสตร์และศิลป์ของการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นเลยค่ะ
โดยได้รับเกียรติจากจากแขกรับเชิญพิเศษ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารญี่ปุ่นและเจ้าของร้านอาหารเกนจิ คุณแท็ท พลวุฒิ โพธิรัตนังกูร ค่ะ

โดยคุณแท๊ท ได้เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของ สาเก เครื่องดื่มประจำชาติของญี่ปุ่นที่ย้อนกลับไปถึงสมัยเฮอัน (ค.ศ 794 – 1185) ที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าการดื่มสาเกเหมือนได้ติดต่อกับเทพเจ้า จึงมักดื่มกันในพิธีกรรมต่างๆ (อือหือ เชื่อแล้วค่ะว่า สาเกเป็นส่วนหนึ่งเป็นวัฒนธรรมและประเพณีญี่ปุ่น อย่างยาวนาน) เพราะฉะนั้น การดื่มสาเกของคนญี่ปุ่นนั้น จึงไม่ใช่แค่เรื่องดื่มสังสรรค์ กันเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ที่มีประเพณีการดื่มอย่างยาวนานเลยค่ะ

ทั้งการผลิตที่ต้องพิถีพิถันตั้งแต่แหล่งน้ำและข้าว คนนวดหรือ Koji Master ซึ่งสัดส่วนและความแตกต่างของแต่ละอย่างนั้นก็จะมีผลต่อคุณภาพของสาเกค่ะ
โดยสาเกนั้นแบ่งออกเป็น 4 ชนิดที่ต้องจับคู่กับอาหารแต่ละแบบไป เช่ร

1.Junmai นับเป็นสาเกแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นสาเกที่ผลิตจากข้าวพันธุ์ดี น้ำ ข้าวมอลต์ และสาเกยีสต์ สาเกประเภทนี้มีชื่อเสียงมากในเรื่องของสี กลิ่น และรสชาติ และเนื่องจากใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้เทคนิคและความชำนาญอย่างมากในการผลิตสาเกประเภทนี้  นิยมนำมาดื่มแกล้มกับอาหารที่มีน้ำมันมาก เช่น ปลาไหลญี่ปุ่น, เทมปุระ, ปลาหรือเนื้อ ฯลฯ

2.. Honjozo-shu สาเกที่มีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับสองและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สาเกประเภทนี้จะผสมแอลกอฮอล์กลั่นไม่เกิน 120 ลิตรต่อปริมาณข้าว 1 ตัน หรือไม่เกิน 8% ของปริมาณสาเกหนึ่งขวด สาเกประเภทนี้ถือได้ว่าเป็นสาเกที่มีคุณภาพดีในระดับหนึ่ง และมีราคาไม่แพงมากนัก มีรสชาติกลมกล่อม ดื่มได้ง่ายทั้งแบบร้อนและเย็น เหมาะกับการดื่มในระหว่างอาหารมื้อค่ำ

3. Ginjo สาเกคุณภาพสูงที่เลือกใช้แต่วัตถุดิบชั้นเลิศ อาทิ ข้าวพันธุ์ดีที่ผ่านการขัดสีในอัตราส่วนที่เหมาะสม ข้าวมอลต์และเชื้อหมักอย่างดี มีลักษณะเด่นคือ มีกลิ่นและรสชาติหลากหลายซับซ้อนแต่รวมกันได้อย่างสมดุล มีกลิ่นหอมหวานแบบผลไม้ รสนุ่มกลมกล่อมติดปลายลิ้น  โดยทั่วไปนิยมนำมาดื่มแบบเย็นเพื่อให้ได้สัมผัสกับกลิ่นหอมมากขึ้น สาเกประเภทนี้มีราคาค่อนข้างแพง

4. Daiginjo เป็นสาเกคุณภาพสูงที่สุด ที่เลือกใช้แต่วัตถุดิบชั้นเลิศ มีกลิ่นหอมหวานแบบผลไม้ รสนุ่ม และ สัมผัสที่ปลายลิ้นจะเบาบางกว่าสาเกประเภท Ginjo

อธิบายละเอียดซะขนาดนี้ จะไม่มีให้ลองสัมผัสได้ยังไง ภายในงานก็ได้มีการเสิรฟ์สาเกแต่ละชนิดให้ได้ลองชิมกันด้วยค่ะ (หนิงละกลัวแขกในงานจะชิมเพลินเกิน จนจะเคลิ้ม .. จนจะเมานะสิ ฮา)

sk006

เป็นยังไงค่ะ เรียกได้ว่าเจาะลึกลงไปในระดับสาเก ระดับนวด Koji กันเลย เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่ได้เห็นถึงจุดเริ่มต้นแห่งแรงบันดาลใจในการค้นคว้า และค้นพบ Pitera ของเป็นเอกสิทธิของ SK-II ค่ะ
ว่าไป นักวิทยาศาสตร์คนที่ค้นพบนั้น ก็ช่างสังเกตจริงๆนะคะ บางทีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นั้น ก็เริ่มมาจากจุดเล็กๆที่บางครั้งหลายๆคนมองข้ามไป เรื่องราวนี้ก็เป็นข้อคิดดีๆอีกเรื่องที่ได้เห็นว่า การที่เราสังเกต และตั้งคำถามกับจุดเล็กๆนั้น อาจจะเป็นก้าวแรกสู่ก้าวที่ยิ่งใหญ่ก็ได้ จริงไหมคะ

ท้ายสุดนี้หนิงก็ต้องขอบคุณ SK-II ที่ได้ให้โอกาสหนิงในการเป็น MC ในงานครั้งนี้ ทำให้หนิงได้พบความรู้ใหม่ๆและเรื่องราวดีๆค่ะ
มีเรื่องอะไรดีๆแบบนี้ หนิงก็ขอนำมาเล่าสู่กันฟังในบล็อกนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ

หนิง
ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์

Back To Top