เอชพีวี ไวรัสร้ายที่ผู้หญิงต้องรู้

เอชพีวี ไวรัสร้ายที่ผู้หญิงต้องรู้


สวัสดีค่ะ
ถ้าหนิงจะถามคุณผู้หญิงว่า มีใครรู้บ้างว่า ไวรัสเอชพีวี คืออะไร? เกิดจากอะไร? อาการเป็นอย่างไร? อันตรายขนาดไหน? หนิงเดาว่า .. คงจะมีผู้อ่านไม่น้อยเลยค่ะ ที่ต้องตอบว่า … “ไม่รู้”

ไม่แปลกหรอกค่ะ  หนิงเองก็เคยเป็น 1 ในผู้ที่ไม่รู้เมื่อ 10 ปี ก่อน .. หนิงจำได้ว่าตอนนั้น หนิงชวนเพื่อนรัก เอมี่ กลิ่นประทุม ไปตรวจสุขภาพกัน หนิงตรวจเพื่อเตรียมจะมีลูก ส่วนเอมี่เองยังไม่เคยตรวจสุขภาพแบบจัดเต็มก็เลยเอาด้วย .. สรุปว่าวันนั้น หมอเลือกขอคุยกับเอมี่ .. เราทั้งสองคนนั่งฟังอย่างกึ่งตกใจ  กึ่งงง .. เมื่อหมอบอกว่าเอมี่ .. มีความเป็นไปได้ว่าจะติดเชื้อไวรัสเอชพีวี!! ไม่พอ! หมอยังบอกว่า ยังเป็นสาเหตุที่เสี่ยงต่อเป็นมะเร็งปากมดลูกด้วย! โห แทบช็อค น้ำตาจะไหล อะไรกันนี่ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หนิงรู้จักคำนี้ และเตชะบุญที่ท้ายสุดหมอก็สรุปว่าเอมี่ ไม่ได้เป็น (ซึ่งเอมี่ก็เคยได้เล่าประสบการณ์นี้ลงในบล็อกหนิงมาแล้ว ) แต่เราสองคนไม่นิ่งนอนใจ ศึกษาค้นคว้า และบอกต่อคนอื่นๆเรื่องภัยร้ายนี้เสมอ เพราะเราถือว่าเราได้ทำความรู้จักกับคำนี้แล้ว มันคงจะดีไม่น้อย ถ้าเราได้บอกต่อให้คนอื่นๆได้รู้จักดูแลและป้องกัน  .. ฉะนั้นหนิงถือโอกาสครั้งนี้แหละ เขียนลงบล็อก แชร์ให้ผู้หญิงไทยเราเข้าใจกันไปเลย ว่า สรุปแล้ว  เอชพีวี คืออะไร?

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกับมะเร็งปากมดลูกกันก่อน ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจเชื้อไวรัสเอชพีวี ได้มากขึ้นค่ะ

สาเหตุของมะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus หรือที่เรียกกันว่า “เชื้อไวรัส เอชพีวี” (HVP)

hpv002

โดยปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ได้แก่

  1. การมีคู่นอนหลายคน
  2. การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือการตั้งครรภ์เมื่ออายุน้อย
  3. มีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม ซิฟิลิส และหนองใน เป็นต้น
  4. การตั้งครรภ์และการคลอดลูกจำนวนมากๆ
  5. หญิงที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
  6. หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก
  7. หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับชายที่มีคู่นอนหลายคน
  8. การสูบบุหรี่
  9. ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์ และการได้รับยากดภูมิคุ้มกัน

ซึ่งจะเห็นได้ว่า ส่วนใหญ่การติดเชื้อเอชพีวีมักได้มาจากการมีเพศสัมพันธ์ จึงกล่าวได้ว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์

เอาล่ะ เมื่อเรารู้แล้วว่า มะเร็งปากมดลูกมักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี แล้วเชื้อที่ว่านี้ คืออะไร?

เชื้อไวรัสเอชพีวี มีกว่า 100 สายพันธุ์ แต่มีอยู่ 14 สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะก่อมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจากการศึกษาพบว่า เชื้อไวรัสเอชพีวี สายพันธุ์ที่ 16 และ 18 เป็นสองสายพันธุ์หลักที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกกว่าร้อยละ 70 และ นี่จึงเป็นที่มาของ สมการ 16+18 = 70

hpv001

ผู้หญิง 4 ใน 5 คน มีการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะเชื้อเอชพีวี ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น ผู้หญิงยังคงเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวีได้ ถึงแม้ว่าจะ

  • มีคู่นอนเพียงคนเดียว
  • ใช้ถุงยางอนามัย เพราะถุงยางอนามัยช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ไม่ทั้งหมด เพราะถุงยางอนามัยไม่ได้ครอบคลุมอวัยวะเพศชายทั้งหมด
  • ไม่มีเพศสัมพันธ์มาหลายปีแล้ว
  • เคยฉีดวัคซีนแล้ว แต่อาจได้รับเชื้อก่อนการฉีดวัคซีน

อย่างไรก็ตามค่ะ ถึงแม้ว่าเชื้อไวรัสเอชพีวี จะเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวีจะต้องเป็นมะเร็งปากมดลูก เพราะโดยปกติร่างกายคนเราสามารถขจัดเชื้อออกไปเองได้

 

แล้วทำไมเราถึงต้องระวังโรค มะเร็งปากมดลูก?

อ่านมาถึงตรงนี้ คงไม่มีใครที่คิดในใจว่า “โอ้ยย ไม่ต้องไปห่วง เราไม่มีทางเป็นได้หรอก” ขอบอกว่า อย่าชะล่าใจไปค่ะ
จากบทความที่หนิงค้นหามา นายแพทย์ณัฐวุฒิ กันตถาวร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวชวิทยา ด้านมะเร็งนรีเวช โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า

“ถึงแม้ว่ามะเร็งปากมดลูกจะสามารถป้องกันและรักษาได้หากตรวจพบเร็ว แต่โรคมะเร็งปากมดลูกก็ยังคงเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 3 ในผู้หญิงทั่วโลก โดยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกปีละกว่า 5 แสนรายทั่วโลก และคร่าชีวิตผู้ป่วยไปกว่า 266,000 ราย โดยผู้ป่วยที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย สำหรับประเทศไทย มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 โดยพบผู้ป่วยใหม่ปีละ 8,184 ราย  นั่น ก็เป็นเพราะโรคมะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งสามารถอยู่ในร่างกายได้นานถึง 10 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้นโดยไม่แสดงอาการใดๆ

ดังนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่าตนเองมีเชื้อไวรัสเอชพีวีอยู่ในร่างกาย ซึ่งจากสถิติพบว่าผู้หญิง 4 ใน 5 คน ติดเชื้อไวรัสเอชพีวีช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะเชื้อไวรัสเอชพีวีติดต่อได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์  จากการวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี สาย พันธุ์ 16 และ 18 แม้ว่าจะมีผลตรวจแพปสเมียร์เป็นปกติ แต่กลับมีความเสี่ยงในการพัฒนาเป็นรอยโรคก่อนมะเร็งสูงกว่าผู้หญิงที่ไม่มี เชื้อดังกล่าวถึง 35 เท่า และยังพบอีกว่า 1 ใน 10 ของผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง จะพบรอยโรคก่อนมะเร็ง แม้ว่าผลตรวจแพปสเมียร์จะออกมาเป็นปกติก็ตาม”

hpv003

 

ในปัจจุบัน การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจะใช้วิธีการตรวจแพปสเมียร์ (เป็นการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในปากมดลูก แต่ไม่ใช่การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูก)  และจากการศึกษาพบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มีผลตรวจแพปสเมียร์ปกติ  จึงเห็นได้ว่าการตรวจคัดกรองด้วยวิธีแพปสเมียร์เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอในการประเมินความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกอีกต่อไป เพราะการตรวจแพปสเมียร์มีค่าความไวต่ำในการตรวจพบ ทำให้อาจตรวจไม่พบระยะรอยโรคก่อนมะเร็ง และ เนื่องจากผู้หญิงที่ติดเชื้อไวรัสเอชพีวี มักไม่แสดงอาการออกมา ดังนั้น การตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) ที่ สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ได้อย่างเฉพาะเจาะจง อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อเพิ่มโอกาสในการตรวจพบเชื้อได้ในระยะเริ่มแรกและนำไปสู่การป้องกัน มะเร็งปากมดลูกในระยะยาวได้ ซึ่งจากสถิติพบว่าหากตรวจพบเร็ว การรักษาในระยะก่อนมะเร็งลุกลามมีโอกาสหายขาดสูงถึงร้อยละ 98 แต่หากพบมะเร็งปากมดลูกในระยะลุกลามแล้ว มีผู้ป่วยเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่จะมีโอกาสมีชีวิตอยู่รอดได้เกิน 5 ปี

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็รู้แล้วนะคะว่า การตรวจด้วยวิธีแพปสเมียร์เพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอแล้วล่ะค่ะ ฉะนั้นหนิงแนะนำเลยว่า จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงอย่างเราที่จะทำการตรวจ ดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA Test) ที่สามารถตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวีสายพันธุ์ที่ 16 และ 18 ได้เจาะจงไปเลย  เพราะหนิงถือว่าเรารู้ก่อน ย่อมป้องกันได้  ซึ่งใครที่อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชพีวีและโรคมะเร็งปากมดลูก สามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน http://www.hpvactnow.com

hpv004

หนิง รู้ว่าเรื่องราวที่หนิงแชร์ในครั้งนี้ ข้อมูลค่อนข้างเยอะ ต้องใช้เวลาในการอ่านและทำความเข้าใจ แต่หนิงจะขอสรุปสั้นๆให้เข้าใจว่า .. หลายคนต้องมาเสียใจที่หลัง .. เพราะคิดว่า ไม่จำเป็นต้องรู้ ไม่จำเป็นต้องศึกษา .. หนิงไม่อยากให้ใครต้องนึกย้อนหลังว่า รู้เช่นนี้ เราเลือกที่อ่านและให้ศึกษาให้หมด แทนที่จะมองแค่ผ่านตา หรืออ่านแค่ให้ผ่านไป คนเรามีมากมายเหตุผลที่อยากจะมีชีวิตยืนยาวร่วมกับสุขภาพที่ดี ของหนิงคือ อยากดูลูกเติบโต อยากเห็นวันสำเร็จของเขา ของบางคนอาจจะอยากอยู่นานๆเพื่อดูแลพ่อแม่  เพื่อดูแลคนรัก  เพื่อสนุกและสุขกับชีวิต  คุณลองถามตัวเองว่า .. คุณอยากมีอายุยืนปราศจากโรคเพราะอะไร และเพื่อใคร  เมื่อนั้นคุณจะเห็นความสำคัญของสุขภาพ และเห็นถึงความสำคัญของการรู้ทันโรค กันไว้ดีกว่าแก้ จริงไหมคะ

หนิงขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี และร่วมกันแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ ต่อไปนะคะ เพราะหนิงเชื่อว่า .. เรื่องนี้จะช่วยชีวิตใครได้อีกหลายคนค่ะ

hpv005

หนิง
ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์

Back To Top