วันก่อนหนิงได้มีโอกาสไปเป็นพิธีกรในงานเปิดตัว ฟิลิปส์แอลอีดี ถนอมสายตา แล้วช่างโดนใจเหลือเกินค่ะ เพราะผลิตภัณท์ใหม่นี้ตอบรับความกังวลใจของหนิง ซึ่งก็น่าจะรวมถึงผู้ปกครองเกือบทุกคน เกี่ยวกับสายตาของลูกเรานั่งเอง  เอาจริงๆหนิงไม่เคยรู้หรอกว่า การทำกิจกรรมต่างๆของเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ดี ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เด็กทำการบ้าน เล่นคอมพิวเตอร์ หรือดูโทรทัศน์  เราจะต้องใช้แสงไฟสว่างขนาดไหน รู้แต่ว่าต้องสว่างไม่มืด ไม่งั้นเดี๋ยวสายตาจะเสีย อย่างที่ผู้ใหญ่บอกต่อๆเรามา หนิงก็ใช้วิธีนี้บอกลูกเหมือนกัน ห้ามอ่านในที่ไฟสว่างไม่พอ ไม่อ่านหรือดูจอใกล้จนเกินไป

แต่พอมางานนี้ได้รับฟังข้อมูลทั้งจาก Philips Lighting Thailand และคุณหมอที่ได้รับเชิญมา ถึงรู้ว่า สว่างไปก็ไม่ดี มืดไปก็ไม่ดี ที่ถูกต้องคือเป็นแสงสว่างที่เหมาะสม และที่หนิงลืมนึกถึงมาก่อนเลยก็คือ “การใช้หลอดไฟที่คุณภาพไม่ดี” ก็มีผลต่อสุขภาพตาเหมือนกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฟิลิปส์ได้ออกแบบฟิลิปส์แอลอีดีที่ใส่ใจสุขภาพตาด้วยนวัตกรรมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลกมากมาย และบอกตรงๆช่างสอดรับกับไลฟ์สไตล์ดิจิตัลในยุคนี้จริงๆ เพราะเราหนีไม่พ้นการใช้มือถือ หรือลูกหนิงก็ต้องมีเล่นไอแพด ทำการบ้านผ่านคอมพิวเตอร์บ้างเป็นธรรมดา และกังวลเหลือเกินว่า ลูกจะสายตาสั้น หรือ สายตาล้า เพราะความที่เราไม่รู้วิธีที่ป้องกันอย่างถูกต้อง

           หนิงมีข้อมูลที่น่าสนใจมากเลย ซึ่งหนิงก็เข้าข่ายนี้แหละ มีการศึกษามาว่าก็มีความพยายามป้องกันความเสี่ยงด้านดวงตาในรูปแบบต่างๆ เช่น จำกัดเวลาในการเล่นคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ดิจิตัล ซึ่ง 83% ของผู้ปกครองไทย เห็นตรงกันว่าสามารถช่วยลดปัญหาสายตาสั้นได้ แต่กลับพบว่า มีเพียง 42% ที่เลือกใช้แสงไฟที่อ่อนโยนต่อดวงตา และมีเพียง 32% เท่านั้นที่นึกถึงความนุ่มนวลของแสงเวลาซื้อหลอดไฟ  คุณเป็น  1 ในนั้นไหมคะ ที่แทบไม่ได้คิดเรื่องหลอดไฟจริงๆ

ที่นี้หลายคนก็อาจจะสงสัยแล้วว่า อ้าวแล้วปัจจัยที่ควรคำนึงเมื่อพิจารณาว่า หลอดไฟแอลอีดีที่ดีมีคุณสมบัติถนอมสายตามีอะไรบ้างล่ะ ?  ก็มี 4 ปัจจัยดังนี้ค่ะ

1.การสั่นกระพริบของแสง หรือ Flicker

หลอดไฟที่ไม่มีคุณภาพจะเกิดการรับรู้ถึงภาพที่ไม่มั่นคง สั่นไหว เกิดจากแสงและการกระจายแสงที่มีความผันผวน ขึ้นๆลงๆ โดยปกติถ้าเรามองด้วยตาเปล่า เราจะไม่รู้สึกเลยค่ะ  ซึ่งเมื่อใช้งานระยะยาว อาจจะเกิดอาการตาล้า ปวดหัว และหลอดไฟฟิลิปส์แอลอีดีนั้นผ่านมาตรฐานการทดสอบไม่มีปัญหา flicker แน่นอน

2.สโตรโบคอสบิค เอฟเฟคต์

ก็คือการมองเห็นการเคลื่อนไหวของวัตถุที่ผิดเพี้ยนจากการสั่นของแสงที่มาสัมพันธ์กับความเร็วของการเคลื่อนไหว เอาเข้าใจง่ายๆ เช่น บางคนเห็นว่าใบพัดของพัดลมไม่หมุนแต่ในความเป็นจริงกำลังหมุนอยู่ค่ะ อันตรายนะคะแบบนี้

3.แสงจ้า หรือ Glare

คือแสงสว่างที่เข้าตามากเกินไป ทำให้มองเห็นไม่ชัดหรือไม่สบายตา ซึ่งฟิลิปส์ได้ออกแบบนวัตกรรมกรองแสงสำหรับหลอดไฟฟิลิปส์แอลอีดี ทำให้แสงที่สะท้อนสู่ดวงตาผู้ใช้งานมีความสว่างที่นุ่มนวล พอดีกับการใช้งาน (ไอ้เราก็หลงผิด คิดว่ายิ่งสว่างยิ่งดี)

4.แสงสีฟ้า หรือ Blue Light

ข้อนี้หลายคนคงเคยได้ยิน ก็เป็นแสงที่ปนอยู่กับแสงขาว มีอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งหากดวงตาได้รับในปริมาณที่มากไป ก็เกิดอันตรายได้ ส่งไปถึงสุขภาพการนอน ไปถึงทำลายจอประสาทตา ยกตัวอย่างง่ายๆเหมือนเราเล่นมือถือก่อนนอน บางคนหนักเข้าไปอีกเล่นในความมืด ผลเป็นไงคะ คืนนั้นนอนไม่หลับ เพราะม่านตา เดี๋ยวยืด เดี๋ยวหด ทำมากๆ ก็ทำงานสุขภาพตาอย่างแน่นอน

       

           นอกเหนือจากปัจจัยที่ว่านี้ อย่าลืมจุดเด่นของหลอดไฟฟิลิปส์ด้วยนะคะ นั่นก็คือ มีอายุการใช้งานยาวนาน และ ประหยัดพลังงาน พูดง่ายๆก็ช่วยเราประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วย เห็นไหมคะ ประโยชน์หลายต่อจริงๆ

           สำหรับหนิงพอได้ข้อมูลก็เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟฟิลิปส์แอลอีดีเป็นที่เรียบร้อย โดยเฉพาะช่วงนี้ลูกสาวของหนิง เริ่มอยู่ในวัยที่ชอบอ่านหนังสือ และยังมีการบ้านที่จะต้องทำทั้งแบบเขียนใส่สมุดและแบบที่ต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์ ยังไม่รวมขอสนุกกับการเล่นไอแพ็ด (ซึ่งหนิงให้เล่นตามกฎบ้านเราคือ เล่นได้ 15 นาที่ต่อรอบ เล่นได้ 2 รอบใน 1 วัน)  เราก็ต้องยอมรับนะคะว่า ปัจจุบันเรามีแนวโน้มการใช้ชีวิตภายในอาคารมากขึ้น และมีพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ดิจิตัลที่ยาวนานมากขึ้นด้วย การเลือกใช้แสงสว่างที่เหมาะสมภายในบ้านของเรา การเลือกใช้หลอดไฟที่มีคุณภาพและถนอมสายตาทั้งลูกและทุกคนในครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หนิงจะไม่ยอมให้อะไรมาปิดกั้นพัฒนาการของลูก โดยเฉพาะวัยที่กำลังเรียนรู้และสนุกกับชีวิต สายตาเป็นอวัยวะสำคัญที่เราจำต้องดูแลและถนอมให้ดีที่สุด เราในฐานะพ่อแม่ก็มีหน้าที่ที่ต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา รวมถึงผู้ใหญ่อย่างเราด้วย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวนะคะ 

ฉะนั้น ฟิลิปส์แอลอีดี นี่แหละค่ะ คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับบ้านของหนิง

     มาถึงตรงนี้คุณพ่อคุณแม่หลายท่านเตรียมจะซื้อ ฟิลิปส์แอลอีดีมาใช้กันแล้ว บอกบุญกันด้วยคะว่า ถ้าซื้อหลอดไฟฟิลิปส์แอลอีดี ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2560 นี้ รายได้ส่วนหนึ่งนั้น ทางฟิลิปส์จะมอบให้องค์กรยูนิเซฟภายใต้โครงการแสงแห่งโอกาสและความห่วงใย เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของเด็กๆที่ยากไร้ นั่นหมายความว่า แค่เราซื้อฟิลิปส์แอลอีดีมาใช้ในบ้าน ก็ได้มีโอกาสทำบุญไปด้วยทันที ซึ่งจะเป็นฟิลิปส์แอลอีดีแพ็คเพื่อน้อง จำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่น ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศค่ะ แพ็คเพื่อน้องที่ว่านี้ได้แก่

1.หลอดฟิลิปส์แอลอีดีสี Cool Daylight 16w แพ็คคู่สุดคุ้ม 269 บาท

2.หลอดฟิลิปส์แอลอีดีสี  Cool Daylight 10.5w แพ็คคู่สุดคุ้ม 299 บาท

3.หลอดฟิลิปส์แอลอีดีสี Warm White 10.5w แพ็คคู่สุดคุ้ม 299 บาท

4.หลอดฟิลิปส์แอลอีดี สี Cool Daylight 8w ซื้อ 3 แถม 1 แพ็คประหยัดสุดคุ้ม 445บาท

5.หลอดฟิลิปส์แอลอีดี สี Cool Daylight 13w ซื้อ 3 แถม 1 แพ็คประหยัดสุดคุ้ม  595บาท

ใครสนใจรีบซื้อ เพราะเป็นโอกาสอันดีที่ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของแสงในบ้านที่เหมาะสมขึ้น และได้ทำบุญอีกด้วยนะคะ

   ก่อนจบ หนิงมีเทคนิคดีในการดูแลสุขภาพตามาฝาก ฟังจากคุณหมอในงานแล้วอยากแชร์มากๆเลย

• อย่างที่รู้กัน ก็คือ ใช้หลอดไฟที่มีคุณภาพ แสงเหมาะสมกับห้องต่างๆในบ้าน
• เมื่อรู้ว่าใช้งานสายตาหนัก เช่น ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ เล่นมือถือนานๆ ก็ต้องพักสายตา ด้วยการมองไปไกลๆค่ะ โดยเฉพาะมองต้นไม้ใบหญ้านี่จะยิ่งดี
• ใช้ชีวิตกลางแจ้งบ้างค่ะ องค์การอนามัยโลกระบุว่าเราควรใช้ชีวิตกลางแจ้งวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อสุขภาพกาย ใจ และตา
• แดดแรงๆอย่างบ้านเรา ต้องใส่แว่นกันแดดป้องกันแดดด้วยค่ะ
• ทานอาหารที่บำรุงสายตา พักผ่อนให้เพียงพอ
• บริหารสายตา ด้วยการมองนิ้วชี้ตัวเอง ค่อยๆเคลื่อนนิ้วชี้เข้ามาใกล้ตาแล้วมองนิ้วชี้เพื่อทำให้ตาเหล่านั่นเอง ทำซ้ำๆ 3-4 รอบ แต่ไม่ใช่ปล่อยแช่ตาเหล่ไปนานๆนะคะ อันนี้ตาเหล่ก็อย่ามาโทษหนิงกันนะคะ (ฮา)เพียงแค่นี้ เราก็รู้แล้วการดูและสุขภาพตาไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ ดวงตาคืออวัยวะที่สำคัญ เราต้องอย่ามองข้าม นอกจากดูแลสายตาคนที่เรารักแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ

     ขอให้ทุกคนมีสุขภาพตาที่ดีกันค่ะ 

หนิง
ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์