เมื่อปีที่แล้วสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ที่หนิงสนิทสนมคุ้นเคยเนื่องจากทำหนังสือมาด้วยกันหลายเล่ม ได้โทรมาชวนแปลหนังสือเล่มนึง หนิงปฏิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิด เพราะเคยแปลหนังสือมาแล้ว 1 เล่ม รู้ดีว่างานหนัก แต่ทางนานมีบุ๊คส์ ได้พูดชื่อหนังสือขึ้นมา 100 เรื่องเล่าของผู้หญิงเปลี่ยนโลก พร้อมอธิบายว่าเป็นหนังสือที่เล่าเรื่องจริงของผู้หญิง 100 คนดังของโลก ต่อด้วยว่า เป็นหนังสือเพื่อเด็ก หนิงยอมรับว่า .. หนิงแพ้ทางคำว่า เด็ก ค่ะ และแน่นอนหนิงเคยได้ยินข่าวของหนังสือเล่มนี้มาแล้วว่าสร้างปรากฏการณ์ยอดขายถล่มทลายในอเมริกา

ได้รับเกียรติขนาดนี้ กับงานระดับโลก หนิงกลับคำทันที รู้ทั้งรู้ว่างานพิธีกรช่วงครึ่งปีหลังช่างล้นมือ แต่ก็ตอบรับแล้วก็บอกตัวเองว่า ต้องหาเวลาทำให้ได้ เดิมทีจะแปล 100 เรื่อง แต่ทางนานมีบุ๊คส์เกรงว่าจะไม่ทัน เพราะเป็นงานเร่งด่วน ต้องออกจำหน่ายปลายปีที่ผ่านมา เลยได้บทสรุปของผู้แปลทั้งหมด 3 คนเพื่อช่วยเร่งให้งานเสร็จทัน นั่นคือ หนิงเอง , พี่อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส เนื่องจากตอนนี้พี่อุ้มก็ลูกสาวที่น่ารักถึง 2 คน และ คุณพลอยแสง เอกญาติ นักแปลมืออาชีพ

พอได้ 33 เรื่องในส่วนของหนิงที่เป็นภาษาอังกฤษ ไม่หนักใจเลยค่ะ เพราะ 1 เรื่อง 1 คน แค่ 1 หน้า แถมยิ่งอ่าน ยิ่งสนุก ตัวหนิงเองก็ได้ความรู้เพิ่ม บอกตรงนี้เลยว่า นี่ไม่ใช่หนังสือแค่สำหรับเด็ก ผู้ใหญ่ก็อ่านได้สนุกมาก เบลล่า ลูกของหนิง ก็นั่งเป็นกำลังใจข้างๆ ช่วงที่หนิงแปล ขออ่านไปด้วย และแล้วหนิงแปลเสร็จภายใน 3 อาทิตย์ เพราะมีความสุขในการแปลจริงๆ

การรีวิวในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเพิ่มยอดขายฉบับแปลเป็นไทยนะคะ (เพราะตอนนี้ยอดขายติดอันดับอยู่แล้วค่า อิอิ) แต่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ ได้ซื้อหนังสือดีๆทรงคุณค่าเล่มนี้ให้ลูกๆได้อ่านกัน นอกจากจะได้ความรู้ประวัติศาสตร์แล้ว หนิงมั่นใจเหลือเกินว่า จะสร้างแรงบันดาลใจและพลังมหาศาลให้ลูกของคุณ ไม่ว่าจะเป็นลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ย้ำ! ไม่ว่าจะเพศไหน ก็อ่านสนุกค่ะ

หนังสือเรื่อง Good Night Stories for Rebel Girls เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 2 นักเขียนชาวอิตาลี เอเลนา ฟาวิลลี และ ฟรานเชสกา คาวัลโล เมื่อครั้งทั้งคู่ทำงานในซิลิคอนแวลลีย์ สหรัฐอเมริกา เปิดบริษัทสื่อการสอนเพื่อเด็ก Timbuktu Labs ซึ่งเป็นเรื่องจริงของผู้หญิงคิดต่างในโลกนี้ 100 คน แทนที่จะเป็นนิทานเจ้าหญิงหรือแต่งขึ้น ทั้งคู่อยากเปลี่ยนรูปแบบหนังสือเด็ก แล้วเลือกนำเสนอชีวิตจริงแทน ตั้งแต่เรื่องราวของศิลปินดังอย่าง ฟรีด้า คาโล ไปจนถึง ควีนอลิซาเบธที่ 1 และนักเทนนิสดังของโลกอย่างเซรีนา วิลเลี่ยมส์ ซึ่งทั้ง 2 ก็ได้ขอระดมทุนในการทำหนังสือเล่มนี้ โดยมีเป้าหมายในการหาทุน 40,000 ดอลล่าสหรัฐ เพื่อพิมพ์ให้ได้ 1,000 เล่ม ปรากฏว่า ทั้ง 2 ได้ทุนเกินคาดฝัน เพราะได้รับการบริจาคเงินถึง 624,905 ดอลล่าสหรัฐค่ะ

หนังสือเล่มนี้ยังได้นักวาดภาพประกอบชื่อดังทั่วโลกมาร่วมวาดภาพ 100 คนได้อย่างสวยงาม จนเพื่อนคนหนึ่งของหนิงบอกว่า แค่ดูรูปสวยๆ ก็สุดจะคุ้มแล้ว ไม่ต้องถามว่า หนังสือเล่มนี้ สร้างยอดขายถล่มทลายได้ขนาดไหนนะคะ ในขณะที่หนิงเขียนอยู่ที่ Good Night Stories for Rebel Girls เล่ม 2 ออกขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ และเล่ม 1 ก็ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆมากมายหลายประเทศ อย่างเช่นประเทศไทยของเราที่นานมีบุ๊คส์เห็นคุณค่าของเล่มนี้แล้วรีบนำมาแปลให้เด็กไทยอ่าน ฉะนั้นงานนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หนิงได้เป็นส่วนร่วมของหนังสือที่สร้างปรากฏการณ์ในโลก และสร้างความแตกต่างให้กับเด็กอีกมากมาย

เมื่อเปิดหนังสือ 100 เรื่องเล่าของผู้หญิงเปลี่ยนโลก (ชื่อภาษาไทย) จะมีรูปวาดของผู้หญิงเปลี่ยนโลกใบเล็กๆส่วนหนึ่งแถมมา สามารถเอาไว้จด เป็นที่คั่น หรือเก็บเป็นที่ระลึกก็ได้ค่ะ

ต่อด้วยสารบัญ 100 คน 100 อาชีพ ซึ่งสังเกตได้ว่า 100 คนที่นำเสนอในเล่มนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นคนดังในอดีต หรือตายจากไปแล้ว แต่อยู่ในยุคนี้ก็มีเยอะแยะค่ะ

เช่น คลีโอพัตรา ฟาโรห์องค์สุดท้ายที่ปกครองอาณจักรอียิปต์โบราณ

เจน กูดอลล์ นักวานรวิทยา ที่รักชิมแปนซีเหมือนลูกในอก

ซิโมน ไบลส์ นักยิมนาสติกชื่อดัง เจ้าของเหรียญโอลิมปิก ที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา เพิ่งคว้าเหรียญล่าสุดเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา

มาลาลา ยูซัฟไซ ที่หลายคนน่าจะรู้จักดี นักเคลื่อนไหว ที่ต่อสู้เพื่อการศึกษาของผู้หญิงในปากีสถาน แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ลึกว่า เธอต่อสู้อย่างไร เล่มนี้จะบอกค่ะ

มีคนถามหนิงว่า แปล 33 เรื่อง แล้วได้อ่านหมดไหม หมดสิคะ จะเหลือหรือ เพราะสนุกเหลือเกิน แถมบางเรื่องยังต้องไปศึกษา กูเกิ้ลเพิ่มเติม เพราะอยากรู้ว่า บั้นปลายชีวิตพวกเขาเป็นอย่างไร หน้าตาเป็นแบบไหน แล้วก็มีถามเยอะมากว่า หนิงชอบเรื่องไหนมากที่สุด เลือกไม่ได้ค่ะ ชอบและประทับใจหลายเรื่อง ฉะนั้นขอแชร์ 5 เรื่องที่ชอบตรงนี้ละกันนะคะ

คอย แมธิส

นักเรียนประถม เธอเป็นเด็กผู้ชาย ที่ชอบนุ่งกระโปรง ชอบสีชมพู ชอบรองเท้าวิบวับ และขอพ่อแม่ว่า อยากให้หมอเปลี่ยนเธอเป็นเด็กผู้หญิง หลังจากนั้นพ่อแม่ได้ขอให้ทุกคนรอบข้าง ได้ปฏิบัติต่อคอยเหมือนเด็กผู้หญิงค่ะ วันนึงเมื่อไปโรงเรียน เธอเกิดปัญหาว่าเข้าห้องน้ำผู้หญิงไม่ได้ สุดท้ายผู้พิพากษาจึงตัดสินว่า คอยจะเข้าห้องน้ำไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ปัจจุบัน คอย อายุ 11 แล้วค่ะ และมีสารคดีที่นำเรื่องของเธอมาสร้างด้วย

 

เคต เชพเพิร์ด

นักรณรงค์เพื่อสิทธิในการเลือกตั้งของสตรี หนิงไม่มีวันลืมสายตาของเบลล่า ที่หลังจากอ่านเรื่องนี้จบ ลูกถามหนิงว่า “ทำไม ผู้ชายถึงคิดว่า ผู้หญิงมีหน้าที่แค่ทำอาหาร ทำความสะอาดคะแม่ ทำไมผู้หญิงปกครองประเทศไม่ได้?” ลูกถามด้วยผิดหวังผสมกับความงง หนิงบอกลูกว่า สมัยก่อน และยังมีอีกหลายประเทศในโลกนี้ ที่มองว่าผู้หญิงไม่สามารถปกครองประเทศ ไม่สามารถเลือกตั้ง ผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชาย แต่ก็มีนักสู้อย่างเคตนี่แหละ ที่ทำให้ผู้หญิงบางคนได้รับการยอมรับ

หนิงรู้ว่า ด้วยวัยของลูกตอนนี้ ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่วันนึงข้างหน้า เมื่อลูกเติบโต ก็คงจะต้องเจอเหตุการณ์ที่มีคนดูถูก หรือเหยียดเพศของลูก หนิงเชื่อว่า ลูกจะไม่โกรธ แต่พิสูจน์ให้คนได้เห็นว่า คำดูถูกเหล่านั้นมันไม่จริง เพราะมีผู้หญิงเก่งๆในโลกได้พิสูจน์มาแล้ว เรื่องของเคท คืออีก 1 แรงบันดาลใจ ที่ลูกจะไม่มีวันลืม เมื่อเธอทำให้นิวซีแลนด์เป็นประเทศแรกในโลกที่ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกตั้ง

 

มานาล อัล-ซารีฟ

นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี เรื่องของคนนี้หนิงแปลเอง หนิงรู้จักชื่อของเธอ เคยเห็นภาพของเธอในข่าว แต่ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวแบบเจาะลึก ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีกฎทางศาสนาไม่ให้ผู้หญิงขับรถ แต่มานาลตัดสินใจฉีกกฎ เอารถพี่ชายไปขับ แล้วโพสต์ลงยูทูป เธอบอกว่า ถ้าพ่อแม่ป่วย ลูกป่วย แล้วสามีไม่อยู่บ้าน ใครจะพาลูกหาหมอ ลูกไปโรงเรียน ทำไมผู้หญิงจะไปส่งลูกไม่ได้ แน่นอนเธอถูกจับและถูกให้สัญญาว่าจะไม่ขับอีก แต่อิทธิพลของสื่อทำให้ผู้หญิงซาอุ ได้ชมยูทูป แล้วออกมาขับรถท้าทายเจ้าหน้าที่ มานาลไม่เคยยอมแพ้ แม้จะถูกจับอีก เธอเริ่มการต่อสู้เมื่อปี 2011 เชื่อไหมคะ หลังจากแปลเสร็จหนังสือพร้อมจะขาย หนิงได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ เมื่อเดือนตุลาคมปีทีผ่านมา (2017) ด้วยใจพองโต เพราะนี่คือข่าวของคนที่เราได้แปล ในที่สุด องค์กษัตริย์แห่งซาอุดีอาระเบีย อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถแล้วค่ะ หนิงสงสัยเหลือเกินว่า แค่ผู้หญิงขับรถ ต้องสู้กันถึง 6 ปีเชียวหรือ แต่นั่นแหละ เมื่อลูกได้อ่าน และได้รู้ข่าวดี หนิงก็ถือโอกาสบอกลูกว่า “ความสำเร็จบางครั้ง .. ก็ต้องใช้เวลา” อยากรู้ไหม มานาล โพสต์คลิปอะไร ลองไปกูเกิ้ลกันต่อค่ะ

 

โรซา พาร์คส์

นักเคลื่อนไหว ที่หนิงมั่นใจว่า เรื่องของเธอต้องเคยผ่านหูกันมาบ้าง โรซาเป็นคนผิวสี อาศัยอยู่ในรัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา สมัยนั้น (1955) คนผิวขาวและคนผิวสี ถูกแบ่งแยกชัดเจน แยกโรงเรียน แยกโบสถ์ แยกร้าน แยกลิฟต์ นั่งรถเมล์คันเดียวกันแต่ต้องแยกบริเวณ วันนึงที่นั่งคนขาวเต็ม คนขับสั่งให้โรซาในวัย 42 ที่นั่งอยู่ด้านหลังให้ลุกและสละที่ให้คนขาว โรซาปฏิเสธ .. เธอถูกเข้าคุก 1 คืน แต่หารู้ไม่ว่า การกระทำที่กล้าหาญนี้ ทำให้คนผิวสีคว่ำบาตร เลิกใช้รถเมล์จนกว่าจะเปลี่ยนกฏ ซึ่งกินเวลาของการคว่ำบาตรยาวนานถึง 381 วัน ในที่สุดศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกาประกาศว่าการแบ่งแยกที่นั่งบนรถเมล์ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และต่อมา ..ก็เกิดการยกเลิกการแบ่งแยกในรัฐอื่นๆ ต้องขอบคุณความกล้าหาญของโรซา ใครจะคิดนะคะว่า ผู้หญิงวัย 42 ก็เปลียนโลกได้

 

คนสุดท้ายที่หนิงขอแชร์ (เอาแค่นี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยล์ทั้งเล่ม)

อลิเซีย อลอนโซ

ที่ชอบเพราะเธอเป็นนักบัลเลต์ เหมือนลูกของหนิง อลิเซียเป็นสุดยอดนักบัลเลต์อนาคตไกล แต่เคราะห์ร้ายเธอล้มป่วยทำให้สายตาแย่ลงๆ เธอบอกว่า เธอต้องเต้นในใจทั้งที่มองไม่เห็น วันนึงนักเต้นตัวเอกของคณะบัลเลต์ดังของนิวยอร์ก ได้รับบาดเจ็บ จึงเรียกอลิเซียไปเต้นแทน ตอนนั้นสายตาของเธอเริ่มฝ้าฟางแล้วแต่จะปฎิเสธได้อย่างไร แม้เธอจะมองไม่เห็น เธอก็ฝึกซ้อมอย่างหนัก และฝึกให้คู่เต้นมาอยู่ในตำแหน่งและจังหวะที่เธอต้องการอย่างพอดิบพอดี เชื่อหรือไม่ ด้วยความสามารถเธอได้รับเชิญไปเต้นทั่วโลก และในที่สุดก็ได้เปิดโรงเรียนสอนบัลเลต์ที่คิวบา บ้านเกิดของเธอ ใครจะไปคาดคิดว่า คนตาบอดจะสามารถสอนเต้นและผลิตนักเต้นออกมามากมาย … เรื่องนี้จะสอนให้ลูกของคุณเป็นนักสู้อย่างแท้จริง และไม่ให้ข้อจำกัดทางร่างกายมาเป็นอุปสรรคต่อความฝันใดๆ

 

นี่แค่นำเสนอ 5 เรื่องเท่านั้นเอง อีก 95 เรื่องจะน่าสนใจขนาดไหน ถึงได้บอกว่า หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นพลังสำคัญที่จะสร้างแรงบันดาลใจดีๆให้กับเด็กทุกคน เพราะ 100 คนในเรื่องคือผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ความคิดต่างของเขาสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อคนรอบข้างและสังคมได้

เด็กผู้หญิงที่ได้อ่านจะเกิดแรงบันดาลใจดีๆที่จะทำหรือสร้างสิ่งที่มีคุณค่าต่อจิตใจเขา เมื่อเด็กผู้ชายอ่านจะสัมผัสได้ถึงศักยภาพของผู้หญิงและให้เกียรติผู้หญิงว่าเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถ ความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นไม่ต่างจากผู้ชาย ในขณะที่เมื่อพ่อแม่อ่านก็จะรักลูกในแบบที่เขาเป็นและพร้อมจะสนับสนุนในสิ่งที่ลูกทำ นี่จึงเป็นหนังสือที่คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกควรมี เพราะการเรียนรู้จากชีวิตจริงของคน ทำให้ได้ข้อคิด และแรงบันดาลใจที่ลึกซึ้งกว่า ในโลกนี้ยังมีใครๆอีกหลายคน ที่ต่อสู้ ฝ่าฟันอุปสรรค เพื่อให้คนอื่นเข้าใจในความเชื่อ และความคิดของพวกเขา ใครที่กำลังเผชิญการต่อสู้นี้อยู่ ก็จะได้รับพลังและกำลังใจที่จะสู้ต่อแน่นอนค่ะ

100 เรื่องเล่าของผู้หญิงเปลี่ยนโลก (Good Night Stories for Rebel Girls) มีจำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งที่ http://www.nanmeebooks.com ราคา 695 บาท หนิงเคยพูดในวันงานเปิดตัวหนังสือนี้ เมื่อเดือนที่แล้วว่า ก็เหมือนซื้ออ่าน เรื่องละ 7 บาทเอง แต่คุ้มเกินราคาเหลือเกิน ส่วนลูกใครเรียนอินเตอร์หรืออยากให้ลูกฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยก็ไปซื้อฉบับภาษาอังกฤษด้วยเลยค่ะ อย่าเสียโอกาสดีๆ ที่จะได้มอบหนังสือที่น่าจะดีที่สุด ให้ตัวคุณ และลูกของคุณค่ะ

หนิง
ศรัยฉัตร กุญชรฯ จีระแพทย์

================

กิจกรรมแจกหนังสือ 100 เรื่องเล่าของผู้หญิงเปลี่ยนโลก 

ไหนๆรีวิวกันแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขอแจก 5 เล่มให้กับผู้ที่เข้ามาตอบว่า

ชอบเรื่องราวของคนไหนที่สุด ระหว่าง คอย แมธิส,เคต เชพเพิร์ด ,มานาล อัล-ซารีฟ ,โรซา พาร์คส์ และ อลิเซีย อลอนโซ พร้อมเหตุผลที่กรอบ Comment ด้านล่าง แล้วกด Like กดแชร์ รีวิวนี้
(อย่าลืมเซ็ทค่า Public อย่าเซ็ทprivate นะคะ)

5 คำตอบที่โดนใจสุด รับไปเลยค่ะ

ร่วมสนุกตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561
ประกาศผลผู้โชคดี 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 ที่ Inbox ของผู้ร่วมสนุกและใต้รีวิวนี้
กรุณาติดต่อกลับภายใน 15 วัน มิเช่นนั้นถือว่าสละสิทธ์ค่ะ

ขอให้โชคดีค่า

::::::

ประกาศผลรางวัลนะคะ

เนื่องจากมีผู้ตอบคำถามที่ตอบและ Like & Share ถูกต้องเพียงคนเดียว เลยมีผู้ได้รับรางวัลแค่คนเดียวนะคะนั่นคือคุณ
Salapow Nipada

หนิงได้ติดต่อไปทาง Inbox แล้ว อย่าลืมเช็คดูนะคะ